วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ส่งงานข่าวอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ นางสาวจริยาคำสุรีย์ 3-54

ข่าวอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์!!!
พ.ต.ท.สถาพร รอดโพธิ์ทอง รอง ผกก.ฝ.5 ร่วมกับ พ.ต.ท.สุรวุฒิ แสงรุ่งเรือง สวป.สภ.เมืองสมุทรปราการ ร.ต.อ.นพดล ช่างเรือน รอง สวป. พร้อมกำลัง นำหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ หมายเลข 419/2551 จับกุมนายดุสิต พิมพ์สุวรรณ อายุ 20 ปี ได้ที่ห้องพักหมายเลข 1202 ชั้น 2 บ้านพักเจ้าท่าสมุทรปราการ ถนนด่านเก่า ต.ปากน้ำ พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 15 ตัว กับซีพียูคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง  “ข้อหาเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อการลักทรัพย์
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.)  ได้รับแจ้งจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่   เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 51 ว่า มีลูกค้าของธนาคารหลายรายร้องเรียนว่าเงินในบัญชีธนาคารที่ได้มีการเปิดบัญชีออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่าการใช้โปรแกรม ID-PLUS+ ถูกดึงเงินออกจากบัญชีไปยอดเงินรวมไม่ต่ำกว่า 800,000 บาท จึงได้มีการวางแผนสืบสวนและตรวจสอบจาก IP:address หมายเลขเครื่องคอมพิวเตอร์ของกลุ่มลูกค้าผู้เสียหายกระทั่งทราบว่าแต่ละเครื่องก่อนที่จะถูกดึงเงินออกจากบัญชี ได้มีการเข้าไปเล่นอินเตอร์เน็ตในเว็บ ประมูลดอทคอม  http://www.pramool.com/  และได้เข้ากระทู้ที่ตั้งโดยสมาชิกเว็บที่ใช้นามแฝงว่า “DEKROCK777” และโหลดโปรแกรมออกมาจากเว็บดังกล่าว   
ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายกับสมาชิกเว็บคนดังกล่าวได้ และตรวจสอบจนทราบว่าสมาชิกเว็บคนดังกล่าวเป็นใคร ก่อนขออนุมัติหมายศาลเข้าจับกุม จากการสอบสวน นายดุสิต แฮกเกอร์หนุ่ม ให้การว่า เป็นนักเรียน กศน.อยู่ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ  โดยใช้เวลาว่างในการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ออนไลน์และเป็นสมาชิกของเว็บประมูล จนกระทั่งได้โปรแกรม  “prorate”  มาใหม่จากเพื่อนซึ่งเป็นโปรแกรมในการสร้างไวรัสโทรจัน 
ซึ่งโปรแกรมนี้สามารถใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆที่กำลังทำการเปิดเครื่องอยู่ในลักษณะออนไลน์ จึงได้ลองตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ดแล้วแนบโปรแกรมดังกล่าวให้สมาชิกในเว็บแต่ละคน  บางรายมีการเปิดระบบ ID-PLUS+ ซึ่งเป็นระบบการสั่งให้ฝากถอนเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกกันว่า KTB-online  จากนั้นจะตรวจสอบหมายเลขบัญชีของเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละราย ก่อนหน้านั้นเคยสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของเจ้าของเครื่องไปจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือของดีแทคด้วย และยังเคยรับบริการรับฝากเติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือจากกลุ่มเพื่อน หากเติมเงิน 100 บาท ก็ให้จ่ายเงินกับตนแค่ 50 บาท โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีบัญชีของธนาคารกรุงไทย กดสั่งจ่ายชำระ เพิ่งทำไม่กี่ครั้ง ไม่คาดคิดว่าจะถูกจับกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้  
ทางด้าน พ.ต.อ.อาคม ช้างพลายแก้ว ผกก.ฝ.5 บก.ปศท. กล่าวว่า 
หลังรับแจ้งได้ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบเครือข่ายของเครื่องผู้เสียหายแต่ละคน จนทราบว่ามีการเข้าเว็บไหน และโหลดโปรแกรมอะไรลงเครื่องบ้าง จนทราบว่าแต่ละคนได้เข้ากระทู้ที่ตั้ง โดยผู้ต้องหาใช้ชื่อนามแฝงว่า  “DEKROCK777”  จึงได้มีการตรวจสอบ ไอพีแอดเดรส  จนทราบตัวผู้ต้องหาและที่อยู่ก่อนขออนุมัติหมายศาลและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เข้าจับกุม 
  
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทําขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านํามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สําหรับตน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน ซึข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทําด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทํางานตามปกติได้ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทําความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันที หรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทําโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบ คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคง ในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทําต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทําความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
            ผลกระทบ
-      ทำให้ธนาคารที่โดนขโมยข้อมูลขาดความน่าเชื่อถือ
-      ประชาชนที่โดนถอนเงินออกจากบัญชีของตัวเองได้รับความเดือดร้อน
-      ประชาชนอาจมีความรู้สึกไม่ไว้ใจในการฝากเงินกับธนาคาร

แนวทางการแก้ไข 
-      ระบบออนไลน์ควรที่จะมีความปลอดภัยมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
-      เจ้าหน้าควรตรวจสอบโปรแกรมต่างๆ ว่าควรที่ให้เปิดใช้หรือไม่
-      บทลงโทษควรมีให้หนักขึ้น

ที่มา
-      หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
-      http://tnews.teenee.com/crime/22489.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น